10 วิธีเก็บเงินให้อยู่ ออมเงินแบบไหนดี? ให้มีใช้ยามเกษียณ


ทำงานมาตั้งหลายปี มีเงินเก็บแล้วกี่บาท? คำถามสำคัญที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนต้องถามตัวเอง เมื่อทำงานมาถึงจุดที่เริ่มต้องการความมั่นคงในชีวิต หรือเริ่มมีฝันมีเป้า หมายการใช้เงินที่ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่แค่ชอปปิง ปาร์ตี้ ท่องเที่ยว หรือรอวันเงินเดือนออก แต่ได้เวลาวางแผนสร้างครอบครัว มีทรัพย์สินที่สร้างรายได้หรือเตรียมพร้อมสำหรับ เกษียณ สิ่งเหล่านี้ คุณมีเงินเพียงพอแล้วหรือยัง? วันนี้เราเลยอยากมาขอแชร์วิธีเก็บเงินให้อยู่ พร้อมรูปแบบการออมเงินแบบไหนดี ที่ให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายมีเงินใช้ในยามเกษียณได้แบบไม่ติดขัด


ออมก่อน รวยกว่า แต่ว่าต้องออมเงินแบบไหนดี

การเก็บเงินให้บรรลุเป้าหมาย ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินที่สะสมไว้เท่านั้น แต่ระยะเวลาที่ออมก็สำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งเริ่มก่อนโดยเลือกประเภทการออมที่ให้ผลตอบแทนสูง ก็มีโอกาสคว้าเงินล้าน มีเงินเก็บทะลุเป้าได้ แม้มีเงินออมเริ่มต้นไม่มาก

ตัวอย่างรูปแบบการออม ออมเงินแบบไหนดีที่ให้เงินงอกเงย

  1. บัญชีเงินฝากธนาคาร เลือกได้ทั้งบัญชีออมทรัพย์ที่ฝากถอนได้ทุกเมื่อ หรือบัญชีฝากประจำเพื่อเพิ่มวินัยการออม การออมแบบนี้เน้นความมั่นคง อุ่นใจ แต่มีข้อจำกัดเรื่องผลตอบแทน เพราะดอกเบี้ยที่ได้มักน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ
  2. ออมเงินในกองทุนรวม มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ลงทุนในกองทุนนั้น ๆ แต่ควรศึกษาข้อมูลกองทุน และความเสี่ยงให้ดี รวมทั้งการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี SSF - RMF ก็ต้องรู้เงื่อนไขของกองทุน เพราะเมื่อลงทุนแล้ว และต้องการขายคืนก่อนกำหนด จะต้องคืน เงินภาษีที่ได้รับลดหย่อนมาด้วย
  3. ลงทุนในหุ้น การจะเอาเงินออมสักก้อนไปลงทุนในหุ้น จะต้องมีความรู้เรื่องการลงทุน รู้จักจับจังหวะการลงทุนในตลาดหุ้น ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และธุรกิจที่จะเลือกลงทุนในหุ้นนั้น ๆ การลงทุนในหุ้นแม้มีโอกาสกำไรได้มาก แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน
  4. ซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน คอนโดมิเนียม หรือที่ดิน ซึ่งกว่าจะมีอสังหาริมทรัพย์ได้ ก็ต้องมีเงินออมก้อนใหญ่ หรือภาระในการผ่อนที่ยาวนาน แนะนำมีไว้เป็นทรัพย์สินในอนาคต หรือเพิ่มความมั่นคงให้ชีวิต หากจะซื้อมาเพื่อเก็งกำไรต้องระมัดระวังเรื่องภาระหนี้สินและสภาพคล่องด้วย
  5. ออมเงินในประกันสะสมทรัพย์ เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เริ่มต้นออมเงิน เพราะการันตีผลตอบแทนที่แน่นอน นำไปลดหย่อนภาษีได้ และยังมีความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต เพิ่มความอุ่นใจได้อีกต่อ

ประกันออมทรัพทย์ลดหย่อนภาษี


วิธีเก็บเงินให้อยู่ สไตล์มนุษย์เงินเดือน

เมื่อรู้แล้วว่าจะออมเงินแบบไหนดี ทีนี้ต้องมาดูว่า แล้วเราจะมีวิธีเก็บเงินให้อยู่ได้อย่างไร ซึ่งสไตล์การเก็บเงินที่จริงก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยว่าสะดวกแบบไหน แต่ถ้าใครยัง ไม่มีไอเดีย แนะนำให้ลองทำตามนี้

  1. แบ่งสัดส่วนการใช้เงินให้ชัดเจน
    วิธีเก็บเงินให้อยู่อันดับแรก คือ เราสามารถจัดสัดส่วนการออมของเราได้ โดยแบ่งเป็น “ค่าใช้จ่ายจำเป็น - ค่าใช้จ่าย ส่วนตัว หรืออื่น ๆ - เงินสำหรับเก็บออม” อาจแบ่งเป็นสัดส่วนยอดนิยมคือ 50-30-20 หรือถ้ามีภาระค่อนข้างเยอะ จะปรับเป็น 60-30-10 ก็ได้
    • สมมติว่ามีเงินเดือน 20,000 บาท ก็แบ่งเป็น...
      ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ในสัดส่วน 60% จะเป็น 20,000 x 60% = 12,000 บาท
      ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและอื่น ๆ เช่น ชอปปิ้ง เครื่องสำอาง แพ็คเกจความบันเทิง ในสัดส่วน 30% จะเป็น 20,000 x 30% = 6,000 บาท
      เงินสำหรับเก็บออม ในสัดส่วน 10% จะเป็น 20,000 x 10% = 2,000 บาท
  2. ออมก่อนใช้
    เมื่อมีสัดส่วนเงินออมที่เหมาะสมแล้ว ให้หักเงินส่วนนี้แยกออกมาเก็บไว้ทุกครั้งก่อนนำเงินที่เหลือไปใช้จ่าย โดยเปิดบัญชีที่ไม่มี Mobile Banking เน้นให้เป็นเงินออม ไม่นำมาออกใช้โดยง่าย
  3. จำกัดการถอนเงินต่อเดือน
    กำหนดให้แต่ละเดือนถอนเงินได้แค่ 2 ครั้ง แล้วนำมาแบ่งใช้จ่ายรายวันให้พอดี ไม่กดเงินเกินความจำเป็น วิธีนี้ทำให้เห็นรอยรั่วในการใช้เงินได้ชัดว่าวันไหนมีค่าใช้จ่ายเกินกว่าเงินรายวันที่เราจัดสรรไว้
  4. บริหารหนี้อย่างชาญฉลาด
    โดยการสำรวจหนี้ที่มี โดยเฉพาะหนี้ฟุ่มเฟือยที่ดอกเบี้ยค่อนข้างสูงอย่างหนี้บัตรเครดิต ให้รวมหนี้เป็นก้อนเดียว แล้วหาสินเชื่อสำหรับรวมหนี้ที่ดอกเบี้ยถูกกว่า ก็จะช่วยเซฟเงินและถือเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. ชอปปิงอย่างมีสติ
    ของเซลล์ ราคาโปรโมชัน ซื้อได้หากเป็นของที่จำเป็นแต่ถ้าไม่จำเป็นต่อให้ราคาถูกลงแค่ไหนก็ต้องอดใจไว้ก่อนลองถอยหลังออกมา นับ 1 - 10 ในใจ ถ้าปล่อยวางได้ หรือคิดแล้วว่าไม่จำเป็นอย่าหันหลังกลับไปอีกเด็ดขาดหากชอปปิงออนไลน์ให้กดใส่ตะกร้าเอาไว้ปล่อยให้เวลาผ่านไป เราอาจลืมของในตะกร้าไปแล้วก็ได้
  6. ชอปเท่าไหร่
    ออมไว้เท่านั้น ในเมื่อชอปปิ้งเยอะ เงินออมก็ต้องเยอะตามไปด้วย ทุกครั้งที่เราจับจ่าย ให้เก็บเงินจำนวนเท่ากันเอาไว้เป็นเงินออมด้วย เป็นการท้าทายตัวเอง และควบคุมให้ไม่ใช้จ่ายเกินตัว
  7. เก็บแบงก์ 50
    ในเมื่อชอปปิ้งเยอะ เงินออมก็ต้องเยอะตามไปด้วย ทุกครั้งที่เราจับจ่าย ให้เก็บเงินจำนวนเท่ากันเอาไว้เป็นเงินออมด้วย เป็นการท้าทาย ตัวเอง และควบคุมให้ไม่ใช้จ่ายเกินตัว
  8. กฎของ Latte Factor
    คือ การเปลี่ยนรายจ่ายหยุมหยิม เช่น ค่ากาแฟ ค่าขนมหวาน ค่ารับประทานอาหารนอกบ้าน ให้กลายเป็นเงินออม และต่อยอดไปสู่เงินลงทุนระยะยาว
    • สมมติว่าเราดื่มกาแฟวันละแก้ว ราคาแก้วละ 60 บาท
      1 เดือน คิดเป็นเงิน 1,800 บาท
      1 ปี คิดเป็นเงิน 21,900 บาท
      หากนำเงิน 21,900 ไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6% ต่อปีนาน 5 ปีเงินก้อนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 29,307* บาทและยิ่งนานมูลค่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  9. หารายได้เสริม
    หากเงินออมต่อเดือนยังน้อยเกินกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ให้ลองหารายได้พิเศษ เช่น การทำงานพาร์ทไทม์ ขายของ หรือมองหาอาชีพเสริมอื่น ๆ ที่เราถนัด แล้วนำเงินส่วนนี้มาออมเพิ่ม
  10. ซื้อประกันออมทรัพย์
    วิธีเก็บเงินให้อยู่สุดสมาร์ทของคนทำงานและคนที่ต้องการออมเงิน พร้อมรับผลตอบแทนที่แน่นอน ข้อดีของประกันออมทรัพย์ก็คือเป็นการออมเงินที่ปราศจากความเสี่ยง ไม่ต้องเผชิญความผันผวนเหมือนกับการลงทุนรูปแบบอื่น มีการการันตีผลตอบแทน และผลตอบแทนที่ได้รับก็ไม่ต้องเสียภาษี แถมด้วยสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 1 แสนบาท ที่สำคัญคือพ่วงความคุ้มครองชีวิต หากเกิดเหตุไม่คาดฝันคนข้างหลังก็ยังมีเงินก้อนไว้ดูแลตัวเอง
    ประกันออมทรัพย์แบบไหนดี
    ย้ายเงินก้อน มาออมในประกันออมทรัพย์ เลือกD-Supreme Saving 10/1
    • การันตีผลตอบแทนรวมตลอดสัญญา 123% ของทุนประกัน
    • จ่ายเบี้ยครั้งเดียว คุ้มครองนานตลอด 10 ปี
    • รับเงินคืนทุก 2.3% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-10
    • ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก

    ทยอยออมเงินในประกันออมทรัพย์ พรูคลิก เซฟวิ่ง
    • ออมสั้นเพียง 8 ปี ได้เงินคืนทุกปี ตั้งแต่ปีที่ 2 - 20
    • รับเงินก้อน 150% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
    • รวมรับเงินคืนตลอดสัญญา 208% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
    • พร้อมความคุ้มครองชีวิต 150% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
    • ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก

ข้อดีของการออมเงิน

การออมเงินนั้นมีแต่ข้อดี และดียิ่งขึ้นเมื่อนำเงินออมไปต่อยอดอย่างเหมาะสม หากใครยังนึกไม่ออกว่าจะออมเงินไปทำไม ลองดูข้อดีของการออมเงินต่อไปนี้ อาจช่วยให้คุณเปลี่ยนใจได้

  1. สร้างความมั่นคงให้กับชีวิต พร้อมรับความไม่แน่นอนต่าง ๆ อย่างมั่นใจ เพราะมีเงินออมสำรองไว้กรณีฉุกเฉิน
  2. ใช้จ่ายมีวินัย ไม่มีหนี้ เพราะรู้จักเก็บออมเป็นนิสัย และมีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายเมื่อต้องการ
  3. เกษียณสบายใจ เพราะมีเงินเก็บมากพอสำหรับใช้ชีวิตแม้ไม่มีรายได้ ยิ่งเก็บได้มาก โอกาสเกษียณก็ยิ่งไวขึ้น
  4. มีอิสรภาพทางการเงิน ไม่ต้องกังวลรายจ่าย หรือเหตุไม่คาดฝัน ใช้ชีวิตได้เต็มที่
  5. พร้อมส่งต่อความมั่งคั่งให้ลูกหลาน

หากคุณยังเป็นคนที่ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ชักหน้าไม่ถึงหลัง หรือมีหนี้ฟุ่มเฟือยเกินตัว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาวิธีเก็บเงินให้อยู่ และเลือกว่าจะออมเงินแบบไหนดีเพื่อ เพิ่มผลตอบแทนให้กับเงินออมของเรา เผื่อว่าอนาคตเกิดเหตุไม่คาดฝัน ก็ยังอุ่นใจเพราะมีเงินก้อน หรือมีความคุ้มครองอื่น ๆ รองรับความเสี่ยงเพิ่มเติม

*คำนวณโดยใช้สูตร
มูลค่าอนาคต = มูลค่าปัจจุบัน (1 + อัตราผลตอบแทน)^ระยะเวลา คิดเป็น 21,900(1+6%)^5 = 29,307

หรือ

สำหรับลูกค้าทั่วไปที่ต้องการจัดการกรมธรรม์

สวัสดี คุณ

สวัสดี