ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คืออะไร? ต่างจากเงินฝากออมทรัพย์อย่างไร

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายจ่ายไม่เว้นแต่ละเดือน การมีเงินออมสักก้อนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งที่ยากกว่าการออมเงิน คือการทำให้เงินออมก้อนนั้นงอกเงย หรือได้ประโยชน์สูงสุดจากการออม หลายคนเลือกนำเงินไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ทว่ากลับต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการลงทุน โดยเฉพาะคนที่มีภาระอยู่เบื้องหลัง การนำเงินที่สะสมมาไปเสี่ยงขาดทุน อาจไม่เป็นผลดี

หากคุณคือคนที่อยากให้เงินออมงอกเงย และต้องการป้องกันความเสี่ยงให้กับคนที่คุณรัก ทางเลือกที่ดีทางหนึ่งก็คือ การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งหากพูดแบบนี้ใครหลายคงอาจสงสัยว่าประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คืออะไร และดีกว่าการฝากเงินออมทรัพย์อย่างไร ว่าแล้วก็ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้เลย

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ...

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มองหาตัวช่วยในการออมเงิน น่าจะพอทราบอยู่แล้วว่าประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คืออะไร แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักประกันประเภทนี้มาก่อน สามารถอธิบายได้ ดังนี้

ประกันออมทรัพย์ ประกันสะสมทรัพย์ หรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ ประกันชีวิตรูปแบบหนึ่งที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและโอกาสในการสะสมเงินไปพร้อมกัน ผ่านการจ่ายเบี้ยประกันตามที่กรมธรรม์กำหนดและเมื่อครบสัญญาก็จะได้รับทุนประกันคืนพร้อมผลตอบแทนโดยระหว่างนี้หากผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาเอาประกัน ผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้รับค่าสินไหมทดแทนด้วย จึงอาจกล่าวได้ว่า ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ ตัวช่วยออมเงินและใช้วางแผนการเงินในอนาคต ได้อย่างดี

ข้อดีของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์

ข้อดีของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ การออมเงินที่ไม่เพียงแค่ออมไว้เผื่อฉุกเฉิน หรือเป็นหลักประกันสำหรับคนข้างหลังเท่านั้นแต่ยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี และความเสี่ยงที่น้อยกว่าการลงทุนบางประเภท

ข้อดีของประกันสะสมทรัพย์ คืออะไร อธิบายเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้

  1. เป็นหลักประกันเพื่อคนข้างหลัง
    จุดเด่นที่สำคัญของประกันสะสมทรัพย์ คือ ความคุ้มครองชีวิตสำหรับผู้ทำประกัน ทำให้มั่นใจได้ว่า แม้จะต้องเผชิญ กับเหตุไม่คาดฝันแผนการออมเพื่อคนข้างหลังก็ไม่สะดุดเพราะผู้รับผลประโยชน์จะได้รับสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันตามเงื่อนไข
  2. เป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน และเป็นแหล่งเงินก้อนในอนาคต
    ไม่ต้องกังวลว่าหากเก็บเงินผ่านประกันสะสมทรัพย์แล้วจะไม่มีเงินสำรองเมื่อเกิดเหตุ ฉุกเฉิน เพราะประกันสะสมทรัพย์สามารถให้เราเวนคืนกรมธรรม์เพื่อนำเงินออกมาใช้ได้ หรือหากไม่มีความจำเป็นการออมในประกันสะสมทรัพย์ ก็จะช่วยให้เรามีเงินก้อนใหญ่ในอนาคตได้ด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเป้าหมายใช้เงินในระยะยาว เช่น เงินออมเพื่อการศึกษา หรือเพื่อ การเกษียณ
  3. ช่วยสร้างวินัยในการออม
    เพราะประกันสะสมทรัพย์บางตัวมีเงื่อนไขให้จ่ายเบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอจนครบกำหนด เพื่อรับผลประโยชน์ตามที่ระบุ ในกรมธรรม์ การทำตามเงื่อนไขนี้เองจะช่วยสร้างวินัยในการออม ทำให้เรามีเงินใช้ในอนาคต และมีนิสัยการออมที่ดี นำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
  4. ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
    การซื้อประกันสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เช่นเดียวกับการลงทุนใน กองทุน SSF-RMF โดยจะนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท ทั้งนี้ควรศึกษาเงื่อนไขการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีประกอบด้วย
  5. มีความเสี่ยงต่ำ
    และมีเงื่อนไขผลตอบแทนที่ชัดเจน ความแตกต่างของการลงทุนทั่วไปกับประกันสะสมทรัพย์ คือ ความเสี่ยงของประกันสะสมทรัพย์ จะต่ำกว่าการลงทุนบางประเภทเพราะประกันสะสมทรัพย์ระบุผลตอบแทนตามเงื่อนไขที่ชัดเจน จึงทราบได้แน่นอนว่าเงินก้อนนี้จะงอกเงยขึ้นเป็น เท่าไหร่ในอนาคต ไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการลงทุน


ความต่างของเงินฝากออมทรัพย์ และประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คืออะไร

อย่างที่บอกในตอนต้นว่าประกันสะสมทรัพย์ คือ การออมเงินที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และมีความเสี่ยงต่ำ หลายคนจึงอาจสงสัยว่า ถ้าเช่นนั้นควรเลือกอะไรระหว่างประกัน สะสมทรัพย์ และเงินฝากออมทรัพย์ อย่างนั้นลองมาเปรียบเทียบกันว่าผลิตภัณฑ์การเงินทั้งสองประเภทนี้เหมือน หรือต่างกันอย่างไร

  • ระดับความเสี่ยง ทั้งเงินฝากออมทรัพย์และประกันสะสมทรัพย์เป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่มีหน่วยงานกำกับดูแล หากเป็นเงินฝากออมทรัพย์จะได้รับความคุ้มครอง เงินฝากสูงสุด 1 ล้านบาทต่อบัญชี และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนประกันสะสมทรัพย์จะอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงาน คปภ. เพื่อควบคุมมาตรฐานการดำเนินงาน สถานะทางการเงิน รวมทั้งคุ้มครองผู้เอาประกันภัยให้ได้รับความเป็นธรรมด้วย
  • ผลตอบแทน การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยประมาณ 0.25% หรือหากเลือกฝากประจำ 24 เดือนก็อาจได้ดอกเบี้ยสูงสุดที่ราว 2% เท่านั้น ขณะที่ประกันสะสมทรัพย์จะได้รับผลตอบแทนเมื่อครบอายุสัญญา หรือได้รับเงินคืนระหว่างทางซึ่งจะระบุผลตอบแทนเอาไว้แน่นอนตั้งแต่ก่อนทำประกัน ส่วนมากผลตอบแทนที่ได้จะมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ยกตัวอย่างประกันออมทรัพย์D-Supreme Saving 10/1ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 123% ของเงินประกันภัย เมื่อครบกำหนดสัญญา และประกันพรูคลิก เซฟวิ่ง 20/8 ที่ได้เงินคืนทุกปี รวมรับเงินคืน 208% ของเงินประกันภัย
  • สภาพคล่อง แม้ประกันสะสมทรัพย์จะให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์ แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องสภาพคล่อง เพราะเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปสามารถเบิก เงินใช้ ได้ทันที ส่วนประกันสะสมทรัพย์ผู้ทำประกันต้องรอให้ครบกำหนดสัญญา จึงต้องวางแผนการใช้เงินให้ดี และเลือกประกันสะสมทรัพย์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น แบบระยะสั้น 3-5 ปี หรือระยะกลางประมาณ 10 ปี
  • ความคุ้มครอง ความพิเศษของการออมเงินผ่านประกันสะสมทรัพย์ คือ ความคุ้มครองชีวิตหากเกิดเหตุไม่คาดฝันเงินออมนั้นก็จะกลายเป็นผลประโยชน์ให้กับ คนข้างหลัง เป็นหลักประกันที่ทำให้อุ่นใจ หรือสามารถต่อยอดสัญญาไปสู่การทำประกันรูปแบบอื่น ๆ ได้ เช่น ประกันสุขภาพ
  • สิทธิประโยชน์ทางภาษี การทำประกันสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไปสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี แต่หากเป็นการ ฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ ถ้าได้รับดอกเบี้ยจากเงินฝากรวมทุกบัญชีเกิน 200,000 บาทต่อปี ก็จะต้องเสียภาษี 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับด้วย

ตารางเปรียบเทียบ เงินฝากออมทรัพย์ VS ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์


ความแตกต่าง เงินฝากออมทรัพย์ ประกันสะสมทรัพย์
ระดับความเสี่ยง ต่ำ ต่ำ
ผลตอบแทน ดอกเบี้ยเงินฝาก ผลประโยชน์ที่ระบุไว้ก่อนเริ่มทำประกัน
สภาพคล่อง ต่ำ ต่ำ
ความคุ้มครอง ไม่มีความคุ้มครองชีวิต มีความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต
สิทธิประโยชน์ทางภาษี ไม่มี สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

วิธีเลือกประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์

เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าประกันสะสมทรัพย์ คือ ตัวช่วยต่อยอดเงินออมให้กับเราได้ ก็ต้องรู้วิธีเลือกประกันสะสมทรัพย์ให้คุ้มค่า และเหมาะกับสไตล์การใช้เงินของเรา ซึ่งมีคำแนะนำดังนี้

  1. เลือกประกันสะสมทรัพย์ตามเป้าหมายการออมเงิน หลายคนอาจเข้าใจว่าประกันสะสมทรัพย์แบบระยะสั้นน่าสนใจกว่าแบบระยะยาว เพราะได้รับผลตอบแทนไว กว่า สภาพคล่องดีกว่า แท้จริงแล้วไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะปัจจุบันมีประกันสะสมทรัพย์ให้เลือกมากมาย จึงแนะนำให้เลือกจากเป้าหมายการออมเป็นหลัก เช่น หากเป็นเงินเย็น หรือเก็บไว้เพื่อการเกษียณ ก็ควรเลือกประกันสะสมทรัพย์แบบระยะยาว เพื่อเซฟเงินเก็บของเราให้ปลอดภัย
  2. เลือกประกันสะสมทรัพย์จากความสามารถในการจ่ายเบี้ย แม้ว่าผลตอบแทนของประกันนั้น ๆ จะน่าสนใจเพียงใด ก็ต้องประเมินด้วยว่าเราสามารถจ่ายเบี้ย ประกันได้ตามเงื่อนไขหรือไม่ เพราะหากหยุดจ่ายกลางคันก็จะทำให้เสียประโยชน์ในการรับผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน
  3. ศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจ ต้องศึกษารายละเอียดทุกครั้งก่อนทำประกัน เช่น ควรรู้ว่าต้องจ่ายเบี้ยประกันอย่างไร การจ่ายผลตอบแทนจะเป็นแบบไหน ความคุ้มครองที่ได้รับมีเงื่อนไขอย่างไร รวมทั้งศึกษาเกณฑ์การลดหย่อนภาษีให้ถี่ถ้วนหากต้องการสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์แบบไหนดี
D-Supreme Saving 10/1
เหมาะสำหรับย้ายเงินออมก้อนใหญ่ มาออมเพื่อรับผลตอบแทนที่มากขึ้น

  • การันตีผลตอบแทนรวมตลอดสัญญา 123% ของทุนประกัน
  • จ่ายเบี้ยครั้งเดียว คุ้มครองนานตลอด 10 ปี
  • รับเงินคืนทุก 2.3% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-10
  • ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก

พรูคลิก เซฟวิ่ง 20/8 ค่อย ๆ ออม พร้อมรับผลตอบแทนทุกปี ครบสัญญามีเงินก้อน

  • ออมสั้นเพียง 8 ปี ได้เงินคืนทุกปี ตั้งแต่ปีที่ 2 - 20
  • รับเงินก้อน 150% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
  • รวมรับเงินคืนตลอดสัญญา 208% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
  • พร้อมความคุ้มครองชีวิต 150% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
  • ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก

หลักสำคัญของการออมเงิน ก็เพื่อให้เรามีเงินไว้ใช้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน และสร้างหลักประกันให้กับตนเองและครอบครัวจึงไม่น่าแปลกใจหากประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ ทางเลือกหนึ่งที่หลายคนมองหาเพราะช่วยเรื่องการออมพร้อมผลตอบแทนที่ดีในความเสี่ยงที่ต่ำขณะเดียวกันก็มีความคุ้มครองชีวิตเป็นหลักประกันให้คนข้างหลัง อีกด้วย

หรือ

สำหรับลูกค้าทั่วไปที่ต้องการจัดการกรมธรรม์

สวัสดี คุณ

สวัสดี